ถ้าหากบอกว่า “แค่ทำอะไรด้วยใจ” ใช่ว่าจะดี จะสำเร็จ หลายคนอาจคิดทันทีว่า ต้องใช้สมองด้วย อันที่จริงก็ถูก แต่ในบทความนี้ไม่ใช่ในมุมความหมายนั้น..
เหตุเกิดจากพุธที่ผ่านมา เป็นอีกวันที่มีงานบรรยายให้กับพนักงานบริษัทเอกชนที่กรุงเทพฯ ตัวผมนั้นอาศัยอยู่ อ.หัวหิน การเดินทางบรรยาย ไป-กลับ กรุงเทพ หัวหิน ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว งานพูด งานบรรยาย หลายคนอาจไม่รู้ว่า ที่จริงใช้พลังพอสมควร นอกเสียจากว่า จะพูดไปงั้น ๆ
หลังจากไปถึงโรงแรมที่จัดงาน เหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น เมื่อโน๊ตบุ๊คเกิดมีปัญหาไม่โหลดเข้ามาหน้าจอปกติ ค้างอยู่นาน จึงทำการรีเซ็ท แต่ยังคง boot นานผิดปกติ จนเวลาเลยเข้าช่วงที่ต้องเริ่มบรรยายตามกำหนดการแล้ว ผมก็เลยเริ่มบรรยายไปก่อน สักพัก โน๊ตบุ๊คก็เข้าใช้ได้ ทว่าดันมีปัญหาต่อมา คือ ภาพไม่ส่งออกโปรเจคเตอร์
หากถามว่าได้เช็คโน๊ตบุ๊คมาก่อนไหม แน่นอน เพราะผมต้องเปิดโน๊ตบุ๊ค เพื่อให้ซิงค์ไฟล์จาก Google Drive มาก่อนเสมอ ไฟล์ต้นฉบับจะอยู่กับคอมตั้งโต๊ะอีกเครื่องที่ใช้ทำงานประจำ จึงเป็นปกติก่อนจะมาบรรยายก็ต้องทำเช่นนี้ ถือเป็นการเช็คโน๊ตบุ๊คไปในตัว
หลังจากพยายามแก้ไขเรื่องภาพไม่ออกโปรเจคเตอร์อยู่พักหนึ่งพบว่า Driver การ์ดจอหายไป เสียอย่างนั้น ก็เลยต้องต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลด แก้ปัญหาได้จบไปใช้เวลาประมาณหนึ่งเลย..
นี่คือเรื่องแรก การมีประสบการณ์ หรือไหวพริบในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า มีความจำเป็น แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญตรงนี้ คือ “ความรู้” ทั้งนี้ โชคดีที่ตัวผมเองมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง มิเช่นนั้นอาจไม่รู้ปัญหาและคงต้องรอหาคนช่วยแก้ปัญหาให้ (ที่จริงระหว่างรอ ก็สอบถามทางโรงแรมด้วยว่ามีโน๊ตบุ๊คให้ยืมไหม ปรากฏว่าไม่มี)
ประเด็นสำคัญกว่าของเรื่องนี้อยู่ที่ช่วงบ่าย เมื่อผมเกิดอาการไข้ขึ้น รู้สึกตัวว่าอาการไม่ค่อยดี อันที่จริงมีสัญญาณมาตั้งแต่เช้า รู้สึกเพลียไม่ปกติ ทั้งที่ไม่ได้นอนน้อย แต่ก็คิดว่าคุณภาพการนอนไม่ค่อยดี(หลับไม่สนิท) ตอนใกล้เที่ยงก็ชัดเจนว่ามีไข้ หลังจากทานอาหารเที่ยงจึงหายาทานทันที หวังสกัด หรือประคองอาการไปก่อน
ถึงตรงนี้ “ใจ” ที่เต็มที่ในการทำงานเสมอ มีแน่นอน ปกติเป็นคนไม่ชอบนั่งพูด จะเดินไปทั่ว ๆ โดยอย่างยิ่งหลักสูตรวันนั้น เป็นหลักสูตรที่มีกิจกรรมเยอะ ผมก็ต้องเดินเยอะเช่นกัน ทว่า เดินไป เดินมา ขาเริ่มไม่มีแรง ลมหายใจกับใบหน้าร้อนแบบรู้สึกได้
ตอนนี้เราอาจจะเรียกว่าความรับผิดชอบ แต่มันก็ย่อมมาจากใจ ที่เราให้กับการทำสิ่งหนึ่ง สิ่งใด ผมสู้กับงานวันนั้นไปจนจบได้ อย่างที่ “ใจคิด” ว่าเต็มที่เช่นเคย จบงานได้พูดคุยเล็กน้อยกับเจ้าของบริษัท ฯ ท่านก็โอเค ถามถึงหลักสูตรอื่น ๆ ต่อไป
แม้งานจะไม่แย่ แต่หลังจากกลับมา ผมทบทวนรู้เลยว่า เป็นวันที่บรรยายได้ไม่ดีเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับทุกครั้ง แม้ระหว่างนั้นความคิด ความรู้สึก และใจ ยังคงเต็ม 100% แต่ก็จำได้ว่า พูดไม่ครบถ้วน สมองไม่ค่อยแล่น สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ได้ไม่ดีเท่าที่ควร
เหตุเพราะ กายที่ไม่พร้อม ส่งผลต่อสิ่งที่เราทำ ซึ่งใช่จะเกี่ยวข้องแค่ในภาวะที่เราป่วย ในความเป็นจริง เราก็อาจป่วยเล็ก ๆ อยู่บ่อย ๆ เช่น ปวดหัวบ้าง ปวดหลัง ไหล่ ขา เข่า ที่เรามองว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก กระทั่ง ท้องอืด อิ่มมากไป ง่วงนอน เผลอนั่งนาน ต่าง ๆ เหล่านี้ ที่ในการทำอะไรต่าง ๆ อย่างไร ร่างกายก็มีส่วนเกี่ยวข้อง แม้ใจ ความคิด จะดีพร้อมสมบูรณ์เพียงใด ก็ใช่ว่าผลลัพธ์จะดีเสมอไป
แน่นอนว่า ใจ ที่ดี เป็นสิ่งสำคัญในการเอาชนะอุปสรรค ไม่ย่อท้อ แต่กายที่ดี พร้อม ย่อมมีส่วนช่วยมหาศาล ในทางตรงกันข้าม ร่างกายที่ไม่ดี ไม่เพียงไม่ช่วย อาจยังเป็นอุปสรรคเสียเองอีกด้วย
ย้อนมาที่เรื่องผมเอง ขนาดว่า เป็นคนดูแลร่างกายประมาณหนึ่ง ออกกำลังกายปัจจุบันถือว่าสม่ำเสมอ ก็ยังเจอวันที่ป่วยจนได้ ซึ่งมันก็เป็นธรรมดา บทความนี้ เรื่องราวนี้ แค่อยากจะสะท้อนและเตือนว่า ทำอะไร “ด้วยใจ” นั้น ดีมาก และควรจะมีใจเสมอ แต่การดูแล “ร่างกาย” เพื่อให้เอาไปใช้ลุยด้วยกันให้ตลอดรอดฝั่ง มันย่อมดีกว่า เพราะแม้ใจจะสู้เพียงใด เมื่อกายไม่พร้อมขึ้นมา ผลลัพธ์ ความสำเร็จมันอาจยากขึ้นมา หรือได้ไม่เท่าที่หวัง..
Comments