ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท LINE ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ไลน์ตระหนักถึงประเด็นเรื่องข่าวปลอม จึงได้จัดเวิร์คช็อป “STOP ‘FAKE NEWS’ ข่าวจริงหรือข่าวปลอม คิดก่อนกด” เพื่อกระตุ้นเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในสายงานด้านการสื่อสารและสารสนเทศ ให้มีความรู้ ความเข้าใจถึงผลกระทบของข่าวปลอม โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากสำนักข่าวเอพี มาบรรยายในหัวข้อ “ข่าวจริงหรือข่าวปลอม” และไทยพีบีเอสกับหัวข้อ “ป้องกันการแพร่กระจายของข่าวปลอม” เพื่อบอกเล่าถึงลักษณะของข่าวปลอม รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ผลักดันให้ข่าวปลอมยังคงอันตรายและสร้างปัญหาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้จัดเสวนา “ข่าวจริงหรือข่าวปลอม คิดก่อนกด” โดยสำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์อีกด้วย
“ประเด็นเรื่องข่าวปลอมไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในประเทศไทย แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก หลาย ๆ ประเทศได้เริ่มออกกฎหมายมาจัดการกับข่าวปลอมนี้ แต่กฎหมายเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น เพราะการจะหยุดการเกิดและการแพร่กระจายได้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคม ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประชาชนตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ดี”
กนกพร ประสิทธิ์ผล ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาสื่อใหม่ ไทยพีบีเอส กล่าวว่า ข่าวปลอมแบ่งได้ 7 ประเภท คือ
1.Satire or Parody เสียดสีหรือตลก
2.False Connection โยงมั่ว
3.Misleading ทำให้เข้าใจผิด
4.False Context ผิดที่ผิดทาง นำภาพไม่เกี่ยวข้องมาสร้างข่าวต่อ
5.Impostor โกหกที่มาของข้อมูล
6.Manipulated ตัดต่อภาพ เสียง คลิปวิดีโอ และ
7.Fabricated กุข่าวปลอม สวมรอยเป็นสำนักข่าว
ข่าวปลอมสร้างโดยคน 4 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มเกรียนนักเลงคีย์บอร์ด โพสต์ข้อความเพื่อความสนุกส่วนตัว
2.กลุ่มหวังเงินค่าโฆษณา โพสต์สร้างกระแสหวังยอดฟอลโลว์ (ติดตาม)
3.กลุ่มสร้างความเกลียดชังจะโพสต์ข้อความ หรือเฮทสปีช ดูหมิ่น ยุยง ปลุกปั่น
4.กลุ่มหลอกลวง สร้างข้อมมูลเท็จ หลอกขายสินค้า หรือฉ้อโกง
วิธีเช็กข้อมูลเพื่อให้รู้เท่าทันข่าวปลอมมี 6 ข้อสำคัญ ได้แก่ 1.ตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าวสารข้อมูล เช่น สำนักข่าว หน่วยงาน หรือชื่อผู้ให้ข้อมูล 2.มีเว็บไซต์อื่น หรือแหล่งข่าวอื่นเผยแพร่หรือไม่ 3.ภาพเก่า เล่าใหม่ หรือไม่ เช็กภาพประกอบ TINEYE หรือ Google Reverse Image Search 4.เช็กความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์หรือเพจ เช่น Brand Name, URL, Logo/Verified, ADS, Font, Spelling หรือคำผิด และ Click Bait 5.ลักษณะเนื้อข่าวที่ต้องสังเกต ข่าวไม่จริงมักเล่นกับความเชื่อ เหตุการณ์รุนแรง ข่าวร้าย เลือกข้าง สร้างความเกลียดชัง และคนดังมีชื่อเสียง และ 6.ไม่นิ่งนอนใจ รายงานเมื่อเจอข่าวปลอม รีบช่วยเตือน หรือรายงานไปยังผู้เกี่ยวข้อง
ขณะนี้บริษัทโซเชียลมีเดียรายใหญ่พยายามลดปัญหาดังกล่าว โดย “เฟซบุ๊ก” ลดการแสดงผลเนื้อหาบนนิวส์ฟีด ด้านสุขภาพ การรักษาโรคที่เกินจริง รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ อาทิ ปุ่มแจ้งเตือนข่าวปลอมเพื่อเตือนผู้ใช้เฟซบุ๊กด้วยกันเอง และปุ่ม About this article ตรวจสอบแหล่งข่าวก่อนแชร์
“ยูทูบ” เตรียมปรับลดการแนะนำวิดีโอที่เข้าข่ายในกลุ่มของ Borderline หรือเรื่องราวปาฏิหาริย์ต่างๆ “กูเกิล” เพิ่มมาตรการคัดกรองข่าวปลอมและข้อมูลที่บิดเบือนความจริงบนอินเทอร์เน็ต หลังเกิดปัญหาการแพร่ขยายอย่างรวดเร็วของข่าวปลอมในปัจจุบัน และ “ไลน์” ให้ความรู้แก่เยาวชนและตั้งหน่วยงานตรวจสอบข่าวปลอม รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มในการช่วยกรอง ตรวจจับ และเชื่อมต่อกับหน่วยงานของสภาบริหารและตอบข้อกังขาของประชาชนได้
“อังกฤษ” ประกาศหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่อง Internet Safety ชั้นประถมและมัธยม เริ่มปี 2563 เพื่อเสริมทักษะแก่เด็ก เยาวชน รู้เท่าทันข่าวลวงและข่าวปลอม “สิงคโปร์” มีกฎหมายป้องกันการแพร่กระจายของข่าว เปิดให้ทางการสามารถสอดส่องแพลตฟอร์มออนไลน์ แชทส่วนตัวของประชาชนได้
“เยอรมนี” ควบคุมเนื้อหาเฮทสปีช ให้ลบข้อมูลที่ผิดกฎหมายใน 24 ชั่วโมง ฝ่าฝืนโทษปรับสูง 50 ล้านยูโร และ “ไทย” ตั้งศูนย์เฟคนิวส์เซ็นเตอร์ โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เน้นสื่อสารข่าวการเตือนภัยพิบัติและข่าวลวงที่กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
“เฟคนิวส์ไม่มีวันหมดไป เพราะแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็ว คนไทย 70-80% กระโดดเข้ามาสู่โลกอินเทอร์เน็ตทำให้การเติบโตของเฟคนิวส์มีมากขึ้น ทางที่ดีที่สุด คือการสร้างความรู้เท่าทันสื่อ โดยการทำงานร่วมกันของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กนกพร กล่าว
Source: คมชัดลึก http://www.komchadluek.net/news/edu-health/388915
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า หลายประเทศทั่วโลกพยายามหาวิธีป้องกันของปลอมผ่านการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง สำหรับประเทศไทย เรามุ่งไปที่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นั่นคือ การกระตุ้นให้สังคมมีจิตสำนึกและคิดวิเคราะห์ในการรับสาร ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยพันธมิตรและประชาชนร่วมมือกัน ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เร่งก่อตั้งศูนย์สกัดกั้นข่าวปลอม (เฟคนิวส์ เซ็นเตอร์) โดยคาดว่าจะสามารถปฏิบัติการได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
ทั้งนี้ เวิร์คชอป STOP “FAKE NEWS” ข่าวจริงหรือข่าวปลอม คิดก่อนกด จะจัดขึ้นอีกครั้งที่จังหวัดขอนแก่นในวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2562 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าขอนแก่น และเตรียมจัดที่อินโดนีเซียและไต้หวัน ต่อไป
Comments